Taste for Tell
แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในโครงการ คือ "ถนอม+รักษา+พัฒนา+พอเพียง" หรือกล่าวคือ ถนอมภูมิปัญญา รักษาธรรมชาติ พัฒนาคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าทอกี่เอว ที่ได้จากการย้อมสีธรรมชาติ และใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมในกระบวนการผลิต เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Zero Waste) และสอดรับกับการใช้งานของกลุ่มผู้ให้การสนับสนุน (กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย) ทั้งยังนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งตอบแทนให้แก่ชุมชนเพื่อนำไปขยายพันธุ์พืชที่ใช้ในการย้อมสี ซึ่งเป็นการรักษาไว้ซึ่งธรรมชาติอันสมบูรณ์อีกทางหนึ่ง
ชนเผ่ากะเหรี่ยงโปว์ ชุมชนแก่นมะกรูด จังหวัดอุทัยธานี
ชาวกะเหรี่ยงโปว์ จากชุมชนแก่นมะกรูด ตระหนักดีว่า ‘ป่า’ นั้นเปรียบดั่งแหล่งลมหายใจของทุกสรรพชีวิต พวกเขาทุ่มเทพยายามเปลี่ยนพื้นที่ภูเขาหัวโล้น ให้กลายมาเป็นผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จนได้ชื่อว่าเป็น ‘รุกขมรดกของแผ่นดิน’ กลายเป็นที่อยู่อาศัยให้แก่สัตว์ป่าน้อยใหญ่รวมถึงตัวพวกเขาเอง และสร้างรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ผูกสัมพันธ์กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
ประเพณีท้องถิ่นที่นี่จึงล้วนมีความเกี่ยวข้องกับป่า เช่น ประเพณีค้ำต้นไทร หรือประเพณีทำบุญข้าวใหม่ เป็นต้น ชาวเผ่ากะเหรี่ยงโปว์รักและหวงแหนผืนป่าที่พวกเขาอาศัยอยู่ ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์จึงคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมก่อนเป็นหลัก และมีการนำวัสดุในธรรมชาติมาประยุกต์ใช้กับข้าวของในชีวิตประจำวัน เช่น การนำขี้ยางหรือลูกคำแสกมาเป็นวัตถุดิบในการย้อมสี เป็นต้น
นอกเหนือจากผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นแหล่งเลี้ยงชีพหลัก ชาวกะเหรี่ยงโปว์ยังมีทักษะการทอผ้าที่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่ง ที่สืบทอดต่อกันมาจากผู้เป็นแม่สู่บุตรสาว ซึ่งในวันสำคัญอย่างพิธีแต่งงาน แม่จะเป็นคนทอชุดเจ้าสาวให้แก่ลูก อันจะเป็นธรรมเนียมเช่นนี้สืบต่อกันมา นอกจากนี้ผ้าทอของชาวกะเหรี่ยงโปว์ยังเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการเปลี่ยนช่วงวัยอีกเช่นกัน โดยในช่วงวัยเด็ก เครื่องแต่งกายจะเป็นสีขาว หลังจากพ้นอายุ 15 ปี ถึงจะสามารถใส่ชุดที่มีสีสันมากขึ้นได้
นักออกแบบผู้พาลมหายใจจากป่ามาสู่เมือง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นภกมล พิมลเกตุ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบไทยพื้นถิ่น การออกแบบเครื่องประดับและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มาพร้อมรางวัลการันตีความสามารถหลากหลายด้านจากทั้งองค์กรในประเทศและต่างประเทศ
อาจารย์ให้ความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาต่อยอดให้เกิดเป็นนวัตกรรมสร้างสรรค์ที่มีคุณค่าและเหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน อาจารย์พยายามดึงความเป็นตัวตนของท้องถิ่นนั้น ๆ ออกมาถ่ายทอด โดยคำนึงถึงคุณประโยชน์ต่อผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ และที่สำคัญคือชิ้นงานนั้น ๆ จะต้องเป็นชิ้นงานที่ไม่เบียดเบียนหรือเกิดผลกระทบต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุด
เมื่อได้มารู้จักและเข้าไปดื่มด่ำกับชุมชนแก่นมะกรูด อาจารย์ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากผืนป่าในการสร้างสรรค์ผลงานศิลป์อันล้ำค่าที่ดึงเอาความงามตามธรรมชาติรวมถึงเอกลักษณ์ของชาวกะเหรี่ยงโปว์มาประยุกต์ให้สอดรับกับการใช้งานที่หลากหลายของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันที่สนใจรูปแบบการใช้ชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ จนเกิดเป็นสินค้าพื้นเมืองหลากหลายชิ้นที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ท้องถิ่นและสามารถสร้างความประทับใจที่ใช้งานได้จริงแก่ผู้ที่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัส
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
วัสดุที่ใช้ในการผลิตมาจากธรรมชาติ รวมถึงกระบวนการในการผลิตก็มาจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนเผ่ากะเหรี่ยงโปว์ เป็นการออกแบบให้ใช้ประโยชน์จากผ้าทอได้ 100% ไม่มีเศษผ้าเหลือเป็นขยะของเสีย ซึ่งนักออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากหัวใจของชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่ต้องการตอบแทนธรรมชาติผู้ให้ชีวิตพวกเขาและอยากจะถ่ายทอดความหวงแหนของพวกเขาให้คนภายนอกได้เห็นผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่พวกเขาเฝ้าทะนุถนอมมาอย่างดี จึงสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซปต์ ‘Taste for Tell’ ที่ต้องการถ่ายทอดลมหายใจจากผืนป่ามาสู่เมืองใหญ่
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
ผ้าทอกี่เอวที่ผลิตขึ้นจากผ้าฝ้าย 100% 1 ผืน ขนาดกว้าง 20 นิ้ว ยาว 5 เมตร นำมาออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ได้ทั้งหมด 5 ชิ้นงาน คือ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า ซองใส่แมส และหน้ากากผ้า ซึ่งทั้งหมดถูกนำเสนอในรูปแบบของชุดผลิตภัณฑ์ที่มีแพทเทิร์นการทอแตกต่างกันออกไป 5 แบบ ให้ผู้ใช้งานได้เลือกสรรตามความชอบ
1. โอบล้อมไออุ่น (Morie)
ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์เหมาะกับการใช้งานของผู้ที่ชื่นชอบความกลมกลืน สมดุล เรียบง่าย แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน
2. อ้อมกอดพงไพร (Forrest)
ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ให้ความรู้สึกของการพึ่งพา ความพอเพียง และการรักษาปกป้อง ใช้รูปแบบการทอด้วยด้าย 4 เส้น 4 เฉดสี นำมาขึ้นเป็นเส้นยืนและทอเป็นผืน
3. กลิ่นไอสายหมอก (Misty)
ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์มีความงดงามจากการไล่โทนสีที่ได้จากการย้อมสีธรรมชาติจนเกิดเป็นลวดลายสวยงาม ซึ่งใช้เทคนิคการยก การสอด เพื่อสร้างเป็นลวดลาย
4. วารินฉํ่าเย็น (Tara)
ดีไซน์ชุดนี้ใช้เทคนิคการจกในการผลิตลวดลายผืนผ้า และดัดแปลงเส้นจกสีโลหะเป็นลวดลาย เพื่อเพิ่มความโมเดิร์น เหมาะกับยุคสมัย
5. กรุ่นกลิ่นไอดิน (Testa)
ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์เหมาะกับการใช้งานของผู้ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ ความแตกต่าง ชอบสีสันและความสนุกสนาน ใช้เทคนิคการทอแบบยกลายซึ่งเป็นเทคนิคการทอแบบดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยงโปว์